ทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่า Social Media คือกระแสความนิยมอย่างกว้างขวาง และใน 2551 ที่ผ่านมา Social Media ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Social Media ไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น แต่นักธุรกิจและมืออาชีพแขนงต่างๆ ได้หันไปใช้ Social Media มากขึ้น ทำให้ Social Media กลายมาเป็นสื่อในสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลอย่างมาก จากรายงาน The Wave 3 Report ของ Universal Maccan แสดงว่า Social Media เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์และ ภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจอย่างมาก เพราะผู้ใช้สื่อ Social Media นิยมโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ แบรนด์ ผ่านบล็อก หรือ ในกลุ่มสังคมออนไลน์ของตน นอกจากนี้การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ต มีทัศนคติในเชิงบวกต่อบริษัทหรือองค์กรที่สร้างบล็อกเป็นของตนเอง
จากบรรดาสื่อต่างที่ใช้ในกลุ่มสังคมออนไลน์นั้นตามรายงานของ Universal McCann พบว่า วิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมเป็อันดับหนึ่ง โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานวิดีโอออนไลน์ถึง 394 ล้านราย ในขณะที่ 346 ล้านรายอ่านบล็อก 321 ล้านรายอ่านบล็อกส่วนบุคคล 307 ล้านรายเข้าเยี่ยมชมกลุ่มสังคมของเพื่อนฝูง และ 303 ล้านรายส่งต่อหรือแบ่งปันวิดีโอคลิปออนไลน์ พัฒนาการที่รวดเร็วของ Social Media ส่งผลให้การสร้างบล็อก การส่งต่อรูปภาพ หรือ วิดีโอคลิป เป็นเรื่องปกติ และ ทุกวันนี้ นักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียง แบรนด์ต่างๆ หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็มีกลุ่มหรือสื่อ Social Media ของตนเอง ด้วยเหตุนี้สื่อรุ่นเก่าจึงต้องเร่งปรับตัวและหันมาพึ่งใช้ Social Media เป็นช่องทางเสริมในการกระจายเนื้อหาหรือข่าวสารของตน เมื่อพิจารณาจากรายงาน 20 อันดับ Social Media ยอดฮิตของโลก ที่ ComScore ทำไว้ พบว่า Bloger ยังคงความเป็นผู้นำด้วยยอดผู้เข้าใช้ว่า 222 ล้านรายทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามมาด้วย Facebook ที่ไล่มาติดๆ และแรงสุดๆ ด้วยจำนวนผู้ใช้ 200 ล้านราย ส่วนอันดับต่อมาคือ MySpace ด้วยยอดผู้ใช้ 126 ล้านราย Wordpress 114 ล้านราย Windows Live Spaces 87 ล้านราย ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ Yahoo Geocities (69 ล้านราย) Flickr (64 ล้านราย) hi5 (58 ล้านราย) Orkut (46 ล้านราย) และ Six Apart (46 ล้านราย) ที่น่าแปลกใจก็คือตลาดเอเชีย เป็นตลาดที่มีการเติบโตของ Social Media สูงกว่าทวีปอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีน นั้นถือเป็นสังคมบล็อกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยยอดผู้ใช้กว่า 42 ล้านราย มากกว่ายุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริการวมกันเสียอีก มร. แบรี่ เฮิร์ด จาก 123 Social Media.com เชื่อว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ Social Media เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะความง่ายในการเข้าถึงสื่ออินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นผลมาจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้าน Social Media และเทคโนโลยีไร้สาย อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ PDAs หรือเครื่องเล่นเกมส์แบบพกพาต่างๆ ผลจากการศึกษายังพบด้วยว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมในสังคมเครือข่ายโดยเฉลี่ย 3-5 เครือข่าย ดังนั้นนักธุรกิจรายใดที่คิดว่า “ธุรกิจของฉันไม่ได้เน้นด้านออนไลน์” อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์หรือไม่ก็ตาม แต่ธุรกิจของคุณจะเกี่ยวพันกับเครือข่ายในสังคมออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะลูกค้าของคุณ คู่ค้าของคุณ แม้แต่เพื่อนฝูง หรือ คนในองค์กรของคุณได้เข้าไปมีบทบาทหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมออนไลน์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่การสนทนาในบางครั้งอาจจะโยงใยเข้ามาถึงธุรกิจของคุณได้ นั่นหมายถึงว่า บริษัทที่ไม่ได้พิจารณา หรือ ผนวก Social Media ไว้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หรือ แผนการตลาดรวม กำลังเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย จากการวิจัยร่วมระหว่าง
อึกตัวอย่างที่น่าสนใจคือกรณีของ IBM ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าจับกระแส Social Media ฟีเว่อร์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ แทนที่ IBM จะสร้างบล็อกขึ้นมาเพียงหนึ่งบล็อกเหมือนบริษัททัวไป IBM กลับสร้างเครือข่ายของบล็อกขึ้นโดยเปิดโอกาสให้พนักงานของตน ที่ต่างก็เป็นยอดฝีมือในแวดวงคอมพิวเตอร์ สร้างบล็อกของตัวเองขึ้นมา เขียนเล่าถึงประสบการณ์ ถึงงานที่กำลังทำ หรือเรื่องอะไรก็ได้ตามใจชอบ ผลที่ตามมาคือบล็อก IBMer ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยง IBM เข้ากับกลุ่มลูกค้า อีกทั้งยังเป็นเครื่องแสดงเจตนารมณ์ที่บริษัทมีต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
“ถึงแม้ Social Media จะเป็นสื่อยอดนิยม แต่ต้องไม่ลืมว่า Social Media Marketing ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และ เป็นเรื่องที่นักการตลาดยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา