ServerToday
ผู้ให้บริการระบบอีเมลคุณภาพสำหรับองค์กร บริการ Zimbra Enterprise Email และบริการ Cloud-based Hosting พร้อมบริการสนับสนุนทางเทคนิคแบบครบวงจร
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เซิร์ฟเวอร์ทูเดย์เปิดตัวบริการ Zimbra Email Hosting
ServerToday ได้รับการแต่งตั้งจาก Zimbra inc ให้เป็นผู้ให้บริการ Zimbra Email Hosting ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดให้บริการ Zimbra Email บนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้ง ตั้งอยู่ใน IDC ในประเทศไทย พร้อมบริการสนับสนุนทางเทคนิคจากทีมผู้เชี่ยวชาญแบบครบวงจร
สนใจสมัครใช้บริการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2195-7395 ถึง 9 หรือ http://www.servertoday.com/zimbra-email-hosting-services.php
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
Zimbra Collaborate Suite
ปัจจุบันหน่วยงานชั้นนำของโลกหลายแห่งเลือก Zimbra เป็นอีเมล์เซิร์ฟเวอร์หลักขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย
stanford.edu, umassd.edu, washcoll.edu และ UCLA หรือจอร์เจียเทค บางหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และองค์กรธุรกิจชั้นนำหลายแห่ง ผู้ใช้งาน Zimbra มากกว่า 30,000 องค์กร และผู้ใช้งานกว่า 55 ล้านเมล์จากทั่วโลกต่างยกนิ้วให้ Zimbra Collaboration Suite เป็นหนึ่งในสุดยอดระบบอีเมล์คุณภาพของยุคนี้
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เว็บสำเร็จรูปที่ดี ต้องมีอะไรบ้าง
เว็บสำเร็จรูปที่ดี ควรมีอะไรบ้าง ปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง
- ปรับเปลี่ยนรูปภาพส่วนบน (Header)
- เลือก Themes ตามความต้องการ
- เปลี่ยนภาพพื้นหลัง (BackGround)
- เปลี่ยนโลโก้ของเว็บไซต์
- เพิ่ม Page หรือ หน้าเว็บไซต์ได้ไม่จำกัด
- แก้ไข Title ของเว็บไซต์ได้
- แก้ไข Footer ได้ตามต้องการ
- จัดการเมนูด้านข้าง (Side Bar)
- จัดการป้ายโฆษณา (Banner)
- จัดการหน้าติดต่อเราเว็บ ลงข้อมูล ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ E-Mail
- ระบบปฏิทินกิจกรรม ภายในระบบเว็บสำเร็จรูปสามารถลงกำหนดการและแสดงรายละเอียดการ
ทำกิจกรรมต่างๆขององค์กรตาม เวลา วัน เดือน ปี
- จัดการเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ปรับปรุง แก้ไข เพิ่ม ลบ เนื้อหา ที่เป็นตัวอักษรบนหน้าเว็บสำเร็จรูปได้เอง
- สามารถปรับปรุง แก้ไข เพิ่ม ลบ เนื้อหา รูปภาพ ภายในกระดานสนทนา (WebBoard)
- จัดการระบบในระบบ จัดการ ปรับปรุง แก้ไข ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของสมาชิก
- เก็บสถิติผู้เข้าเว็บไซต์ สามารถจัดเก็บและแสดงผลผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ
- หากเป็นเว็บสำหรับค้าขาย ควรมีระบบ Shopping Cart
- พื้นฐานภายในและ Code ในเว็บสำเร็จรูป ต้องรองรับและเอื้ออำนวยกับ การทำ SEO (Search Engine Optimization)
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คุณสมบัติ Wacom Bamboo Fun Pen & Touch
Wacom Bamboo Fun Pen & Touch ได้นำเทคโนโลยีระบบ touch เข้ามาใส่ไว้ด้วย ซึ่งเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Reversing Ramped Field Capacitive หรือ RRFC ซึ่งตัว RRFC และสิ่งที่ทำให้ Wacom แตกต่างจากค่ายอื่นคือ Glass Sensor ซึ่งคู่กับชิ้นส่วน ASIC เป็นชิ้นส่วนที่ใช้กับ Pen Tablet ของตนเองเท่านั้น และการทำงานเกือบทั้งหมดนั้นเป็นระบบ Digital ด้วย
ข้อดีของเทคโนโลยี RRFC คือ
- สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีความจำเป็นต้อง ต่อสายกราวด์ หรือขั้วลบ (ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนใดในร่างกายสัมผัสพื้นเพื่อให้ตัวเองเป็นกราวด์) รวมทั้งการสลับจากการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นไฟกระแสสลับทั่วไป การcalibrate ก็ยังคงเสถียรอยู่ไม่ผิดเพี้ยนใดๆ
- ไม่ต้อง calibrate บ่อย ๆ เพราะที่มุมของอุปกรณ์จะมีวงจร Analog คอยตรวจสอบอยู่ ถ้าตรวจจับได้ว่าผิดเพี้ยน RRFC จะทำการปรับตั้งให้เอง ทำให้ตลอดอายุการใช้งาน Wacom รับประกันว่า แทบจะไม่ต้อง calibrate เลย
- แผ่น Sensor ความแม่นยำอยู่ที่ ± 2mm ทั่วทั้งแผ่น แม้กระทั่งส่วนขอบ ทำให้ความแม่นยำไม่ลดลงแม้ส่วนขอบ
- ทนต่อ noise และสัญญาณรบกวน ทำให้ไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้
- สามารถใช้ร่วมกับ Pen Tablet ได้
Wacom Bamboo Fun Pen & Touch ตัวใหม่ได้ปรับปรุงความสามารถอื่นๆเพิ่มขึ้นจากตัวเดิมอีกมากมาย
- ขนาด Tablet ที่บางกว่าเดิม
- ได้ย้ายตำแหน่งปุ่ม ExpressKeys จากด้านบนเป็นทางด้านข้างแทน เพื่อง่ายต่อการใช้งาน
- Lay out ของตัว Tablet รองรับทั้งคนถนัดซ้ายและขวา เพียงพลิกตัว Tablet กลับด้านซ้าย - ขวา เหมือน intuos 4
- ปรับพื้นผิวการเขียนใหม่
- (เฉพาะรุ่น) ปากการับแรงกดได้เพิ่มขึ้นเป็น 1024 ระดับ เท่า Intuos 3
ส่วนที่ Wacom Bamboo Fun Pen & Touch ตัวนี้ไม่มีเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
- Touch Ring ตัดทิ้ง ใช้ระบบ touch แทน
- ไม่มีเมาส์เป็นอุปกรณ์เสริม
- ไม่มีฐานวางปากกา แต่ตัวปากกาสามารถเสียบเข้ากับที่เก็บปากกาด้านข้างตัว Tablet ได้เลย
ระบบ Multi-Touch
ระบบ Multi-Touch นั้น ตัว Wacom Bamboo สามารถรองรับ Touch ได้สูงสุดสองจุด โดยเราสามารถที่จะทำ muti touch ได้บนตัว Tablet เลย ด้วยขนาดพื้นที่สัมผัสที่ใหญ่กว่า ทำให้เราสามารถทำท่าทางต่างๆได้ง่ายกว่าด้วย
Wacom Bamboo Fun Pen & Touch นั้นรองรับ Touch Function ทั้งหมด 9 รูปแบบ คือ
- Navigate ใช้นิ้วเดียวเลื่อนบน Tablet เพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์
- Click ใช้นิ้วเดียวแตะบน Tablet
- Double Click ใช้นิ้วเดียวแตะสองที
- Right Click ใช้สองนิ้วแตะพร้อมกัน
- Forward & Back ใช้สองนิ้วสไลด์ไปทางซ้ายหรือขวา
- Scroll ใช้สองนิ้วเลื่อน ขึ้น - ลง - ซ้าย - ขวา
- Select & Drag ใช้นิ้วแตะไอคอนหนึ่งครั้งเพื่อเลือก แล้วแตะไอคอนอีกครั้งพร้อมกับลากไปด้วย
- Rotate ใช้สองนิ้ว ถ้าคุณใช้มือขวา นิ้วโป้งจะเป็นจุดหมุน นิ้วชี้จะเป็นตัวกำหนดองศาว่าให้หมุนไปเท่าไร
- Zoom ใช้สองนิ้วชิดกันแตะบน tablet แล้วกางนิ้วเพื่อซูมเข้า(ขยาย) หุบนิ้วซูมออก(ย่อ)
ข้อมูลทางเทคนิค เพิ่มเติม
Tablet Specifications
Tablet Dimensions (WxH) 13.3" x 8.8" (338mm x 224mm)
Active Area - Touch (WxH) 7.5" x 5.1" (190mm x 130mm)
Active Area - Pen (WxH) 8.5" x 5.4" (216mm x 137mm)
Pressure Levels 1024 on Pen Tip
Resolution 2540 lpi
Max Data Rate 133 pps
Accuracy +/- .02 in (+/- 0.5 mm)
Tablet Weight 1 lb. 12.5 oz
Connectivity Standard USB
Orientation Reversible for right- or left-handed users
System Requirements
PC Windows® 7, Vista® or XP with Service Pack 2
Mac Mac OS® X (10.4.8 or higher)
Hardware Also requires color display, powered USB port, and CD/DVD drive
วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คลิปวีดีโอเกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
พรบ.คอมพิวเตอร์ 2550
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
คุณสมบัติระบบ Log Server
1. สร้าง แก้ไข ลบ ไฟล์ข้อมูลแต่ละแผนกได้
2. สร้าง แก้ไข ลบไฟล์ข้อมูลแต่ละสมาชิกได้
3. สร้าง แก้ไข ลบ กลุ่ม และ สมาชิก แต่ละคนได้
4. กำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละสมาชิกได้
5. กำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละแผนกได้
6. ยกเลิกสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละสมาชิกได้
7. ยกเลิกสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละแผนกได้
8. ทำการโอนย้ายข้อมูลระหว่างแผนกได้
9. ทำการโอนย้ายข้อมูลระหว่างกลุ่มได้
10. ทำการโอนย้ายข้อมูลระหว่างสมาชิกได้
11. สามารถโอนย้ายไฟล์ผ่านเครือข่ายนอกระบบได้
12. สามารถโอนย้ายไฟล์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
13. อื่น ๆๆ เพิ่มเติมตามความต้องการของลูกค้าพร้อมด้วยระบบ Antivirus และ ระบบ Backup ที่ทรงอนุภาพ
======================================================
ระบบ Log File Serverคุณสมบัติของระบบ
1 เก็บประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตของพนักงาน
2 ยืนยันตัวตนของพนักงานในการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านทางการ login username password
3 ยืนยันตัวตนของพนังงานในการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านหมายเลข ip เครื่อง
4 สามารถควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของพนังงานได้
5 สามารถ อนุญาติ และ ไม่อนุญาติ ให้ พนักงานใช้งานอินเทอร์เน็ต
6 สามารถ Block Web ที่ไม่พึงประสงค์ได้
7 สามารถกำหนดสิทธิในการเข้าถึงเว็ปแต่ละประเภทได้
8 สามารถกำหนดประเภทของพนักงานในการเข้าถึง Web บางประเภทได้
9 สามารถแสดง Report แสดงสถานะการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตของพนักงานได้
10 รองรับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2550 ไม่ต้องโดนปรับ 500,000 บาท
======================================================
ระบบ Mail Serverคุณสมบัติของระบบ
1. สร้าง แก้ไข ลบ E-mail ได้ด้วยตนเอง
2. สามารถ สร้าง แก้ไข ลบ E-mail ผ่าน Web interface
3. สามารถเชื่อมต่อ E-mail ผ่าน Ms Outlook ได้
4. สามารถเช็ค E-mail ผ่าน Webmail ได้
5. เชื่อมต่อ การรับ-การส่ง ผ่านเมล์ข้างนอกได้
6. ใช้งานง่ายมากไม่มีความรู้เรื่อง Com ก็ใช้งานได้
7. สามารถสร้าง E-mail ได้อย่างไม่จำกัด และ กำหนด สิทธิในการใช้พื้นที่ได้
8. มีระบบ กรอง E-mail ที่ไม่ต้องการ
9. มีระบบ ป้องกัน Spam mail
10. สามารถกำหนดค่าในการดึงข้อมูลทั้งแบบ POP และ IMAP ได้
11. พื้นที่ในการใช้งานมีปริมาณเยอะ ขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์ Server ที่นำมาใช้
12. สามารถเพิ่มหรือ แก้ไข Webmail logo ตามความต้องการของลูกค้าได้
13. รองรับภาษาไทย และ ทุกภาษา
======================================================
ระบบ VoIP Server คุณสมบัติของระบบ
1 โทรเข้า-ออกผ่านระบบ VoIP
2 โทรฟรีระหว่าง สาขาได้ ทั่วโลก
3 ประหยัดในการใช้งานโทรศัพท์ในองค์กรกว่า 80 %
4 สามารถโทรออกนอกประเทศได้ทั่วโลก
5 สามารถโทรภายในประเทศได้
6 สามารถโทรเข้าออกได้ทั้งระบบโทรศัพท์พื้นฐาน และ โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้
7 ระบบนี้สามารถทำงานร่วมกับตู้สาขาโดยทั่วไปได้
8 ต้นทุนในการติดตั้งต่ำ
======================================================
ระบบ VPN Server คุณสมบัติของระบบ
1 เชื่อมต่อระบบ VPN ด้วย OpenVPN, PPTP, IPSec
2 สามารถเชื่อมต่อและโอนย้ายข้อมูลได้ทั่วโลก
3 สามารถเชื่อมต่อการใช้โปรแกรมได้ทั่วโลก ( โปรแกรมบัญชี, โปรแกรมเงินเดือน, โปรแกรม HR และอื่นๆ )
4 ลด Cost ในการทำระบบ Network เพิ่มเติม
5 เพิ่มความปลอดภัยของขอมูลโดยการเข้ารหัส เมื่อท่านไปใช้บริการ Wifi, Internet cafe หรือ ระบบ Internet สาธารณะ
6 หลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลข้าม Network ที่ไม่เสถียร
7 สามารถดึงข้อมูลที่ Share Workgroup ข้ามเครือข่ายได้
8 สามารถสร้าง User Account ไม่มีจำกัด ( OpenVPN, PPTP )
======================================================
ระบบ HotSpot Server คุณสมบัติของระบบ
1 กำหนด User Account ในการใช้งาน อินเทอร์เน็ต หอพัก โรงแรม อาพทเม้น อื่น ๆ ได้
2 กำหนดเวลาในการใช้งานของแต่ละ User Account ได้
3 กำหนดสิทธิในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละ User Account ได้
4 สามารถตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตของ User ได้
5 สามารถคำนวณเวลาแล้วค่าบริการในการใช้อินเทอร์เน็ตได้
6 สามารถออกบัตรเติมเงินชนิด Prepay ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
7 สามารถออก Report ในการเข้าใช้งานอืนเทอร์เน็ตของ User ได้
8 สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าได้
======================================================
ระบบ Web Hosting คุณสมบัติระบบ
1. สามารถรัน Web site, Web Application ได้
2. สามารถ รันโป PHP, MySql ได้
3. เพิ่มพื้นที่ได้ไม่จำกัด
4. เพิ่ม User Account ได้ไม่จำกัด
5. สามารถควบคุม Web Hosting ผ่านทาง Web Interface ได้
6. สามารถ Install โปรแกรม อื่น ๆ ที่รันบน PHP, MySql ได้แบบไม่จำกัด
7. ใช้งานง่ายสะดวกรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมี ความรู้
8. สามารถตรวจสอบไวรัสผ่านในเครื่อง Server ได้
9. คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติองค์กรตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดฯ
Centralized Log Management System
หมายถึง ระบบบริหารจัดการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ โดยมีการจัดเก็บที่ส่วนกลางแบบรวมศูนย์ และแยกออกจากการเก็บ Log Fileภายในเครื่องแม่ข่าย เนื่องจากการเก็บ Log File ในเครื่องแม่ข่ายในทุกวันนี้ถือว่าไม่ “Comply” ตาม พ.ร.บ. ฯ เนื่องจากเราไม่สามารถรักษาความถูกต้องของข้อมูล หรือ “Integrity” สำหรับ Log File ที่เก็บอยู่ในเครื่องแม่ข่ายได้ เพราะผู้ดูแลระบบ หรือ “SystemAdministrator” สามารถเข้าถึง Log File ในเครื่อง และสามารถเข้าไปแก้ไข Log File ได้ นอกจากนี้แฮกเกอร์ หรือ MalWare อาจเข้ามาลบ Log File ในเครื่องได้ทุกเมื่อ ถ้าแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าเครื่องแม่ข่ายและยึดเครื่องแม่ข่ายได้สำเร็จ ทำให้ Log File ที่อยู่ในเครื่องแม่ข่ายนั้นขาดความน่าเชื่อถือในการดำเนินคดีในชั้นศาล (Admissibility in Court)
การจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ Log File ที่ถูกต้องนั้น ควรต้องจัดเก็บแบบรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง โดยแยกระบบออกเป็นอิสระจากเครื่องแม่ข่าย และระบบ Centralized Log Management ต้องสามารถป้องกันการเข้ามาแก้ไข Log File โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งต้องสามารถเก็บ Log File ไว้ได้นานตามที่กฎหมายระบุไว้ คืออย่างน้อย 90 วัน เรียกว่า “Log Retention Period” ดังนั้น ฮาร์ดดิสก์ หรือระบบ Storage ของ Centralized Log Management System ต้องถูกออกแบบมาโดยเฉพาะใช้ในการเก็บ Log เท่านั้น
(หมายเหตุ: ระบบ SIM หรือ “Security Information Management” นั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเก็บ Log ดังนั้น SIM จึงไม่ไช่Centralized Log Management)
Security Event Management (SEM)
หมายถึง ระบบจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์แบบรวมศูนย์ ในความหมายเดียวกันกับระบบ Centralized Log Managementโดยระบบ SEM ถูกออกแบบมาใช้ในการเก็บ Log แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้ในการวิเคราะห์การโจมตีผ่านทางเครือข่าย (Real-timeThreat Analysis) ดังนั้นระบบ SEM จะเน้นไปที่การเก็บ Log เพื่อใช้ในการพิสูจน์หลักฐาน (Computer Forensic) ของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือ เพื่อใช้ในการตรวจสอบ (Audit) ตลอดจนเพื่อให้องค์กร “Comply” พ.ร.บ. ฯ และกฎหมายต่างๆ ที่กำหนดให้องค์กรต้องจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เช่น พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดฯ เป็นต้น
การใช้ระบบ SEM ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตาม International Standards และ Best Practices เช่น ISO/IEC 27001/20000,CobiT และITIL อีกด้วย ปัญหาของการจัดซื้อระบบ “SEM” มาใช้ก็คือองค์กรไม่สามารถปรับแต่งเครื่องแม่ข่าย และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ให้ส่งข้อมูลจราจร หรือ “ Log File” มายังระบบ “SEM” ได้เนื่องจากขาดความรู้ทางด้านเทคนิค ทำให้ระบบ “SEM” ที่จัดซื้อมานั้นไม่สามารถ “ผ่าน”หรือ “Comply” พ.ร.บ. ฯ ได้ ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง คือการใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญมาทำการปรับแต่งและติดตั้งให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ. ฯน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดหลังจากได้จัดซื้อระบบ “SEM” มาใช้งาน หรืออาจจะ “Outsource” ให้แก่ MSSP ในการจัดการให้บริการติดตั้งระบบ “SEM” โดยที่องค์กรไม่ต้องลงทุนซื้อระบบ “SEM” เอง และไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ (Maintenance Fee)อีกด้วย การใช้บริการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จาก MSSP นั้นเป็นทางออกที่คุ้มค่าในการลงทุน โดยให้ค่า Return On Investment(ROI) ที่สูงกว่าและมีค่า Total Cost of Ownership (TCO) ที่ต่ำกว่าในระยะยาว ตลอดจนลดความเสี่ยงในการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และยังลดความเสี่ยงจากโอกาสที่การติดตั้งระบบไม่สำเร็จหรือล่าช้า เนื่องจากขาดความรู้ทางด้านเทคนิค โดยที่องค์กรไม่ต้องติดตั้งเอง แต่ใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาติดตั้งให้และรับผิดชอบทั้งระบบครบวงจร กล่าวโดยสรุปแล้วจากการ Outsource โดยไม่จัดซื้อระบบ “SEM” เองนั้นมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย นับเป็นทางเลือกที่ถูกต้องของผู้บริหารระบบสารสนเทศในปัจจุบัน
Security Information Management (SIM)
ระบบ SIM เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาวิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติในระบบสารสนเทศ ในลักษณะ“Proactive Defense” คือเราสามารถรับรู้ล่วงหน้าถึงการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือจากการวิเคราะห์ “Log File”ที่เกิดจากเครื่องแม่ข่าย อุปกรณ์เครือข่าย ไฟล์วอลล์ และ IDS/IPS แต่ระบบ “SIM” ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เก็บข้อมูลจราจร หรือ “Log File” ในระยะเวลาการจัดเก็บที่ยาวนาน ดังนั้นการจัดซื้อระบบ “SIM” จึงไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องของการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ฯ อีกทั้งระบบ “SIM”ยังต้องการผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาปรับแต่งให้ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ ที่ต้องการวิเคราะห์และรับรู้ถึงภัยล่วงหน้าก่อนการโจมตีจะสัมฤทธิ์ผล ดังนั้นการใช้งานระบบ “SIM” นั้นไม่ง่ายเหมือนการใช้งานระบบ “SEM” ทางออกที่ดีของผู้บริหารระบบสารสนเทศที่ฉลาดก็คือ ไม่ควรจัดซื้อระบบ“SIM” มาทำการติดตั้งเอง เพราะไม่คุ้มค่าการลงทุน และไม่ “Comply” พ.ร.บ. ฯ อย่างชัดเจนเพราะไม่ได้จัดเก็บ Log ตามที่ พ.ร.บ. ฯ บัญญัติไว้ ปัญหาในปัจจุบันที่พบบ่อยก็คือ องค์กรเข้าใจผิดคิดว่าซื้อ “SIM” ก็คือการซื้อ “SEM” ทำให้การลงทุนเสียเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย
Security Information and Event Management (SIEM)
ระบบ SIEM เป็นระบบที่เป็นลูกผสมระหว่างระบบ” SIM” และระบบ “SEM” ซึ่งสามารถเก็บ Log และวิเคราะห์ Log ได้ในเวลาเดียวกัน ข้อเสียของระบบ “SIEM” ก็คือประสิทธิภาพในการทำงานนั้นจะสู้การแยกทำงานเป็นสองระบบไม่ได้ (แยกระหว่างSIM และ SEM) เพราะฮารด์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลการจัดเก็บ Log ในแบบ Real Time นั้น ไม่ควรจะทำงานอยู่บนฮารด์แวร์เดียวกันกับฮารด์แวร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ เนื่องจากเมื่อปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น ในระดับสูงมากๆ ในบางช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ระบบ “SIEM” อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดซื้อระบบ SIEM ควรกำหนดค่า “EPS” หรือ“Event Per Second” ให้เหมาะสมก่อนการจัดซื้อ เพราะการทำ POC [Proof of Concept] เพื่อให้แน่ใจว่าขนาดของระบบ“SIEM” นั้นเหมาะสมกับขนาดระบบสารสนเทศขององค์กร
ปัญหาของระบบ “SIEM” นั้นเหมือนกับปัญหาของระบบ “SIM” กล่าวคือ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาทำการติดตั้ง และปรับแต่งใช้งาน ดังนั้นการ Outsource ไปยัง MSSP ให้มาจัดบริการทั้งระบบ “SIEM” และ “SIM” จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดจากการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียในหลายๆ ปัจจัยดังที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น
Managed Security Services (MSS) และ Managed Security Services Provider (MSSP)
MSS เป็นการให้บริการดูแลและเฝ้าระวังเหตุการณ์ผิดปกติด้านความปลอดภัยข้อมูล จากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลเฉพาะทางที่เรียกตัวเองว่า MSSP โดยที่ MSSP ควรต้องมีบุคลากรที่ได้รับการรับรองความรู้ความสามารถทางด้านระบบความปลอดภัยข้อมูล เช่น CISSP, SSCP หรือ SANS GIAC เป็นต้น เพราะธุรกิจของ MSSP สามารถอยู่ได้จากการให้บริการในการวิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ โดยใช้ความรู้ความสามารถของ “Security Analyst”ในการวิเคราะห์และแจ้งเตือนให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการจาก MSSP
การ Outsource งานเฝ้าระวังไปยัง MSSP นั้น เป็นแนวคิดในการบริหารจัดการระบบความปลอดภัยข้อมูลสมัยใหม่ที่นิยมในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป ปัจจุบันในเอเชียและในประเทศไทยมีผู้ให้บริการ MSSP หลายรายเข้ามาเป็นตัวเลือกให้กับองค์กรในการจัดจ้าง MSSP เข้ามาดูแลระบบความปลอดภัยข้อมูลให้กับองค์กรในระยะยาวโดยควบคุมที่ Service Level Agreement(SLA) ให้ MSSP ทำงานตามที่องค์กรต้องการ เปรียบเทียบได้กับการจ้างบริษัท รปภ. ในปัจจุบันของสำนักงาน อาคารต่างๆโดยที่องค์กรไม่จำเป็นต้องมี รปภ. เป็นของตนเองและไม่ต้องมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการให้บริการที่ไม่ได้ตาม SLA เพราะการจัดจ้าง MSSP นั้น องค์กรสามารถยกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ MSSP ไม่ปฏิบัติตาม SLA ดังกล่าวแต่การที่จะให้พนักงานในองค์กรออกนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้ง่ายๆ
Log Retention Period
หมายถึง ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ Log File โดยใน พ.ร.บ. ฯ ได้กำหนดไว้ว่าต้องมี LogRetention Period ไม่น้อยกว่า 90 วัน
MD5 หรือ SHA1
หมายถึง Algorithm ในการทำ Data Hashing ให้กับ Log File เพื่อเป็นการรักษา Integrity ของข้อมูล
Log เพื่อประโยชน์ในด้านการสืบสวนสอบสวนทางนิติคอมพิวเตอร์ (Computer Forensic) และประโยชน์ในการพิจารณาคดีในชั้นศาล (Admissibility in Court) โดย MD5 Algorithm จะให้ค่า Hash Value ที่ 128 bits และ SHA1 Algorithm ให้ค่าHash Value ที่ 160 bits
“Full Text Search” หรือ “Google Like Search”
การค้นหาข้อมูลในระบบ SEM หรือ SIEM ซึ่งเก็บ Log File ขนาดใหญ่หลายร้อย Gigabyte หรือ อาจถึงระดับTerabyteทำให้การค้นหาข้อมูลค่อนข้างใช้เวลาอย่างมากในการค้นหาหลักฐาน (Evidence) จากระบบ SEM หรือ SIEM ดังนั้นเทคโนโลยี “Full Text Search” จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการค้นหาข้อมูลให้รวดเร็วยิ่งขึ้นในลักษณะ “Google LikeSearch” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการนำสืบหาผู้กระทำความผิดต่อไป
บทความโดย:อาจารย์ปริญญา หอมเอนก,GCFW, CISSP, SSCP, CISA, CISM, Security+,(ISC)2 Asian Advisory BoardPresident, ACIS Professional Center
บทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.ฐานความผิด โทษจำคุก โทษปรับ
มาตรา 5 เข้าถึงคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ไม่เกิน 6 เดือน ไม่เกิน 10 , 000 บาท
มาตรา 6 ล่วงรู้มาตรการป้องกัน ไม่เกิน 1 ปี ไม่เกิน 20 ,000 บาท
มาตรา 7 เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ไม่เกิน 2 ปี ไม่เกิน 40 ,000 บาท
มาตรา 8 การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์ ไม่เกิน 3 ปี ไม่เกิน 60 ,000 บาท
มาตรา 9 การรบกวนข้อมูลคอมพิวเตอร์ ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100 ,000 บาท
มาตรา 10 การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100 ,000 บาท
มาตรา 11 สแปมเมล์ ไม่มี ไม่เกิน 100 ,000 บาท
มาตรา 12 การกระทำต่อความมั่นคงของประเทศ หรือ แก่ประชาชน
(1)ก่อความเสียหายแก่ข้อมูลคอมพิวเตอร์
(2)กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ/เศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต (ใน 2) ไม่เกิน 10 ปี3 ปี ถึง 15 ปี10 ปี ถึง 20 ปี +ไม่เกิน 200 , 000 บาท60 ,000-300,000 บาทไม่มี มาตรา 13 การจำหน่าย /เผยแพร่ชุดคำสั่ง ไม่เกิน 1 ปี ไม่เกิน 20 , 000 บาท มาตรา 14 การเผยแพร่เนื้อหาอันไม่เหมาะสมลามก ข้อมูลปลอม ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100 , 000 บาท มาตรา 15 ผู้ใดจงใจสนับสนุน ม.14 (ความรับผิดของ ISP) ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100 , 000 บาท มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเก็บภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อและทำให้ผู้อื่นเสียหาย (ถ้าสุจริต ไม่มีความผิด ยอมความได้ ) ไม่เกิน 3 ปี ไม่เกิน 60 , 000 บาท
ผู้ให้บริการมีหน้าที่และบทลงโทษมีอะไรบ้าง
พระ ราชบัญญัติฉบับนี้ ไม่ได้กำหนดฐานความผิดและบทลงโทษให้กับผู้กระทำความผิดเท่านั้นนะครับ ยังมีการกำหนดนิยามของคำว่า “ ผู้ให้บริการ ” และกำหนดบทลงโทษของผู้ให้บริการไว้ด้วย
“ ผู้ให้บริการ ” ในพระราชบัญญัติฉบับนี้ หมายความว่า• ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนาม หรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น• ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่นขอสรุปง่ายๆ นะครับว่า ตามนิยามนี้ “ ผู้ให้บริการ ” จะหมายถึง ISP (Internet Service Provider) ต่างๆ เช่น True, KSC, CS Loxinfo, DTAC, Hutch และทั้งนี้ รวมถึง บริษัทฯ ห้างร้านฯ ทั่วๆ ไปด้วยนะครับ ที่มีการติดตั้งระบบให้พนักงานสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ก็ถือว่า บริษัทฯ หรือห้างร้านฯ นั้นๆ เป็นผู้ให้บริการด้วยเช่นกัน ในกรณีนี้ ยังรวมไปถึงผู้ให้บริการที่รับฝากเครื่อง Server หรือที่เขาเรียกว่า Hosting Services ด้วย พวกที่รับฝาก website หรือฝากรูปภาพต่างๆ ด้วยนะครับ
ทีนี้ บทลงโทษของผู้ให้บริการ กำหนดไว้ในมาตรา 15 ดังนี้ “ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุน หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14”
เจตนารมณ์ก็เพื่อต้องการให้ผู้ให้บริการ เช่น เจ้าของเว็บไซต์ ต้องมีการพิจารณาด้วยว่า ต้องมีหน้าที่ลบเนื้อหาอันไม่เหมาะสม ที่อาจก่อความเสียหายให้กับผู้อื่นออกจากเว็บไซต์ของตนเองด้วย เพราะถ้าไม่ลบ อาจเข้าข่าย “ จงใจสนับสนุน ” หรือ “ ยอมให้มีการกระทำความผิด ” ก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกันกับผู้กระทำความผิดด้วยนะครับ
นอก จากนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังได้กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการไว้ในมาตรา 26 ด้วยว่า “ ผู้ให้บริการ ” ต้องเก็บ “ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ” ไว้ไม่น้อยกว่า เก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือภาษาที่คนทำงานคอมพิวเตอร์เขาเรียกกันว่า ต้องเก็บ Log นะครับ
การ เก็บ “ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ” หมายถึง ผู้ให้บริการต้องเก็บข้อมูว่าผู้ใช้งานคนใด ติดต่อกับปลายทางที่ใด ต้นทางอยู่ที่ใด วันที่ติดต่อ เวลาเริ่มต้น เวลาสิ้นสุด ระยะเวลาติดต่อ ชนิดของการติดต่อ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้ให้บริการจัดไว้ให้ใช้ งาน ถ้าผู้ให้บริการไม่ปฎิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 500,00 บาท ครับ ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ
อย่าง ไรก็ตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้ผ่อนผันการบังคับใช้ในมาตราที่ 26 นี้ให้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะครบกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2551 ครับ นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2551 หากบริษัทฯ ห้างร้านใด ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตแต่พนักงาน และไม่มีการเก็บ Log ตามที่ว่ามา หากมีการตรวจพบ ก็จะผิดตามมาตราที่ 26 นี้ครับ โดยปรับไม่เกิน 500,000 บาทครับ
ผล คือ ช่วงนี้บริษัทฯ ต่างๆ จึงต้องระดมเตรียมตัวกันยกใหญ่ ที่จะหาอุปกรณ์ที่จะเก็บ Log ให้ได้ครบตามที่พระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้ ระบบเก็บ Log Server ที่ว่านี้ ก็เลยขายดีกันใหญ่ครับ ราคาเลยตั้งกันไว้สูงๆ เพราะทุกคนต้องหามาใช้งาน มิเช่นนั้นผิดกฎหมาย
สำหรับ พนักงานบริษัทฯ ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตในที่ทำงาน ก็ต้องรับทราบนะครับว่า บริษัทฯ เขาต้องเก็บประวัติการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเราไว้ทั้งหมดนะครับ เราไปเข้าเว็บไหนบ้าง ส่งเมล์ให้ใครบ้าง จะถูกเก็บข้อมูลจราจรที่ว่านี้ไว้ทั้งหมดตามกฎหมายนะครับ ก็ต้องยอมรับกันในจุดนี้ด้วย
ข้อดีการใช้เทคนิคการเก็บ Log Server แบบ SRAN คือ
1. ติดตั้งสะดวก
2. ตัดปัญหาการออกแบบ และผลกระทบกับระบบเครือข่ายเดิมที่มีอยู่
3. ลดปัญหาเรื่องราคาที่บานปลาย จากการออกแบบ และ การติดตั้งระบบ
4. ใช้เนื้อที่เก็บบันทึกน้อย
5. สามารถรู้ลักษณะการใช้งานเครื่องลูกข่าย (Client) ซึ่งเป็นประโยชน์ในการตีกรอบหลักฐานหาผู้กระทำผิดให้เล็กลง และสามารถระบุตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างถูกต้องพร้อมหลักฐานที่สามารถยืนยันใน ชั้นศาลได้อีกด้วย
6. สามารถเก็บบันทึกข้อมูลจราจร เพื่อออกรายงานผลได้อย่างเป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งประหยัดเวลาในการวินิจฉัยและการค้นหาผู้กระทำความผิด
7. อุปกรณ์ SRAN สามารถแยกแยะเหตุการณ์ให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบเหตุการณ์ (Correlation Log) ตามมาตรา 5 – มาตรา 11 ที่สามารถแปลความทางเทคนิคได้
8. อุปกรณ์มีความสามารถเก็บบันทึกข้อมูลจราจรตามมาตรา 26 เพื่อความสะดวกเราทำหน้าจอในการเก็บบันทึกโดยแบ่งวัน เวลา ตามปฏิทินการใช้งาน พร้อมค่ายืนยัน Log file ซึ่งมีความสะดวกในการค้นหาอีกด้วย
อเสีย
1. หากไม่ใช่ SRAN รุ่น Hybrid แล้ว Log ที่เกิดขึ้นเป็น Log ที่เกิดจากการใช้งานระบบสารสนเทศ ทั้งข้อมูลขาเข้า และ ขาออก เป็น Log ที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่าย และสามารถตรวจเครื่องลูกข่ายได้ แต่ Log นั้นอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ (False Positive) หากไม่มีการวิเคราะห์เชิงลึก เพราะ Log ไม่ได้เกิดขึ้นจาก LocalHost อุปกรณ์ นั้นโดยตรง
2. หากติดตั้งแบบ Passive mode โดยต้องการความสามารถ Switch เพื่อทำการ Mirror port มาให้นั้น ต้องอาศัย Switch ที่ทำการ Management ได้ หรือต้องใช้อุปกรณ์เสริมมาช่วย จึงจะเก็บบันทึกข้อมูลจราจรได้
3. การติดตั้งแบบ In-line mode ถึงแม้จะสามารถป้องกันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้ แต่อาจไม่เหมาะกับองค์กรที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่า 100 เครื่องขึ้นไป โปรดดูคุณสมบัติทางฮาร์ดแวร์และการรองรับข้อมูลจาก Data Sheet ของบริษัท
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
รู้จัก 3G ให้ดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยี 3G พัฒนามาจากอะไร ระบบ 3G คืออะไร และมี ความเร็ว เท่าไร
ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่นสำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+
HSDPA นั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps. ( ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น )
HSUPA จะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps
สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้
คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 จะถูกพัฒนาโดย AIS
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกปล่อยออกโดยบริษัทไหน
ดังนั้นการเลือกซื้อ AirCard , Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น
ความเร็วเน็ตประเทศไทย ดาวน์โหลด-อัพโหลดต่างกัน 7 เท่า
จากการรวบรวมข้อมูลการทดสอบตั้งแต่วันแรก คือวันที่ 24 สิงหาคม 2552 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 รวม 99 วัน มาวิเคราะห์ประมวลผล พบว่า จำนวนทดสอบ speedtest ทั้งหมดมี 1,287,613 ครั้ง แบ่งเป็นผู้ใช้บริการจาก TOT ร้อยละ 34 TRUE ร้อยละ 25 BB/MAXNET ร้อยละ17 และไม่ระบุผู้ให้บริการร้อยละ 20 ผลการทดสอบความเร็ว พบว่า ในการดาวน์โหลด อัตราความเร็วที่ได้ เรียงตามลำดับคือ TRUE ร้อยละ 83 SAMART ร้อยละ 78 ISSP ร้อยละ 75 3BB/MAXNET ร้อยละ 71 CSLOXINFO ร้อยละ 71 TOTร้อยละ 66 INETร้อยละ 63 BEENETร้อยละ 62 CATร้อยละ 43 และ DTAC ร้อยละ 34
หากเปรียบเทียบเฉพาะผู้ให้บริการรายใหญ่ด้วยกับพบว่า TRUE มีความเร็วในการดาวน์โหลดมากที่สุด รองลงมาคือ 3BB/NET TOT และ CAT ขณะที่หากเปรียบเทียบเฉพาะผู้ให้บริการรายเล็กพบว่า SAMART มีความเร็วในการดาวน์โหลดมากที่สุด รองลงมาคือ ISSP CSLOXINFO และ INET
สำหรับความเร็วในการอัพโหลด เรียงตามลำดับคือ ISSP ร้อยละ 75 SAMART ร้อยละ65 BEENET ร้อยละ 51 INET ร้อยละ 50 CAT ร้อยละ24 CSLOXINFO ร้อยละ 20 TOT ร้อยละ 14 TRUE ร้อยละ 14 3BB/MAXNET ร้อยละ10 หากเปรียบเทียบเฉพาะผู้ให้บริการรายใหญ่ด้วยกันพบว่า CAT มีความเร็วในการอัพโหลดมากที่สุด รองลงมาคือ TOT TRUE และ 3BB/MAXNET ขณะที่หากเปรียบเทียบเฉพาะผู้ให้บริการรายเล็กพบว่า ISSP มีความเร็วในการอัพโหลดมากที่สุด รองลงมากคือ SAMART BEENET และ INET
ผลสรุปในภาพรวมพบว่า ความเร็วในการดาวน์โหลดอยู่ที่ร้อยละ 34-83 และความเร็วในการอัพโหลดอยู่ที่ร้อยละ 10-75 ซึ่งผลการทดสอบนี้เป็นความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลภายในประเทศ
นาย ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่แล้ว โดย สบท. และสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยจัดโครงการนี้ขึ้นก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งเห็นได้ว่า ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดข้อมูลมีความแตกต่างกันมาก โดยความเร็วในการอัพโหลดข้อมูลต่ำกว่าการดาวน์โหลดถึง 6-7 เท่า ขณะที่ในอนาคต การสื่อสาร 2 ทางเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารทางไกล เช่น การจัดประชุมทางไกล เพราะฉะนั้นต้องมีการปรับให้มีคุณภาพที่สอดคล้องกันในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องของการให้บริการนั้นประเทศไทยยังมีทางเลือกในการใช้บริการน้อย ต่างประเทศมีผู้ให้บริการถึง 1,000 บริษัท ขณะที่ประเทศไทยหากอยู่ห่างจากชุมสายของผู้ให้บริการเกินกว่าระยะ 4 กิโลเมตรก็จะมีปัญหาคุณภาพ ทางออกที่เป็นไปได้เฉพาะหน้าก็คือ ผู้ประกอบการควรปรับลดราคา โดยเก็บค่าบริการตามคุณภาพบริการที่ผู้บริโภคสามารถใช้ได้จริง หรือขยายจุดชุมสายให้มากขึ้น
ผอ.สบ ท. กล่าวต่อไปว่า สำหรับความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลอาจเป็นที่พอใจหรือไม่พอใจของ ผู้บริโภค แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการสร้างมาตรฐานการให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น มีกรรมการกลางในการกำหนดมาตรฐานการให้บริการอินเทอร์เน็ต ทั้งในด้านความเร็วและความเสถียร โดยต้องมีการหารือร่วมกันระหว่าง กทช. สบท. ผู้ประกอบการ นักวิชาการและผู้บริโภค เพื่อร่วมกันพิจารณาต่อไป โดยจะเริ่มมีการจุดประเด็นนี้ในเวทีผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ปี 2552 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22-23 ธันวาคม นี้ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์
“สำหรับ โครงการสำรวจและทดสอบคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ต ในปีหน้าเราจะพัฒนาให้ผู้บริโภคที่เข้ามาทดสอบความเร็วสามารถบันทึกเป็น ข้อมูลของตัวเองเป็นสถิติได้ว่า ความเร็วเฉลี่ยที่เราใช้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดทั้งเดือนหรือทั้งปีนั้น เป็นอย่างไร เพื่อสามารถนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ได้” ผอ.สบท. กล่าว
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
มารู้จัก SERVER กัน
server หากดูความหมายตรงๆ แล้ว หมายถึงผู้ให้บริการ ส่วนคำนิยามที่ดีที่สุดคงต้องถามวิกิพีเดีย หรืออาจจะหาข้อมูลจาก google เพิ่มเติมได้ โดยรายละเอียดของ Server สรุปได้ดังนี้
server คือเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นลูกข่าย ในระบบเครื่อข่าย ข้อความแบบนี้อาจจะงงอยู่บ้าง สรุปอีกครั้งนะครับ
Server ในทาง computer มี 3 ความหมายคือ
- เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่น
- ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์
หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่น - โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการอะไรบางอย่างแก่คอมพิวเตอร์หรือ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่น
โดยปรกติแล้ว โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็น Server จะทำงานบนระบบปฏิบัติการ อาจจะเป็น Linux หรือ Windows หรือ Unix ก็ได้ ดังนั้นคำว่า server จึงมิได้หมายถึง คอมพิวเตอร์ เพียงอย่างเดียวแต่ยังหมายถึงระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อีกด้วย ตัวอย่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็น server ถ้าพูดถึงเราคงรู้จักกันดี แต่อาจจะไมรู้ว่าเรียกว่า server ก็เป็นไปได้ ยกตัวอย่างเป็นกลุ่มๆ ดังต่อไปนี้
Web server คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ให้บริการเว็บ อาทิเช่น Apache web server
Mail server คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ให้บริการ E-mail อาทิเช่น Postfix, qmail, courier
DNS server คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ให้บริการโดเมนเนม อาทิเช่น bind9
Database server คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ให้บริการ Database อาทิเช่น mysql, postgresql, DB2
สำหรับระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้เป็น server ได้แก่
Linux สำหรับ Linux Distribution ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Debian Ubuntu Readhat Fedora etc.
Windows สำหรับ Windows ที่นิยมใช้เป็น server ได้แก่ Windows Server 2003
Unix สำหรับ Unix ถือเปนระบบปฏิบัติการที่เก่าแก่ระบบหนึ่ง ที่ยังใช้งานอยู่จนถึงทุกวันนี้ ได้แก่ BSD
ถ้าหากพูดถึง server ก็ต้องรู้ให้แน่ก่อนว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ไม่อย่างนั้นอาจจะหลงแล้วคุยไม่ รู้เรื่องเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นอาจสรุปคร่าวๆได้ดังนี้
* ถ้ามีคำถามว่าใช้อะไรเป็น server คำถามนี้มักหมายถึงระบบปฏิบัติการ
* ถ้าถามว่าใช้อะไรเป็น
* ถ้าถามว่าใช้ server ยี่ห้ออะไร โดยมากหมายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็น server
โดยปกติแล้วเครื่องคอมพิวเตอร์เซอร์เวอร์หนึ่งเครื่องจะติดตั้งระบบ ปฏิบัติการที่ใช้เป็นเซอร์เวอร์ได้หนึ่งระบบ แต่สามารถลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการได้หลายชนิด เช่น ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องลง Linux Distribution Debian เป็นระบบปฏิบัติการ แล้วติดตั้ง Apache เป็นเว็บเซอร์เวอร์ ติดตั้ง Mysql เป็น Database server ติดตั้ง postfix เป็น mail server เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะทำงานพร้อมกันแต่ต่าง port กัน ถ้าอยากรู้ว่า port คืออะไรก้ต้องติดตามตอนต่อไปนะครับ
สนับสนุนบทความโดย ofebia
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
รีวิว Ipad Apple แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์
iPad มาพร้อมหน้าจอสัมผัส LED-backlit ขนาด 9.7 นิ้ว โปรเซสเซอร์ 1 GHz ความละเอียด 1024x768 หน่วยความจำตั้งแต่ 16 , 32 และ 64 GB แบตเตอรี่ Lithium Ion สามารถใช้งานติดต่อได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง ขนาดโดยรวม 9.56 x7.47x0.5 นิ้ว หนักราว 1.5 ปอนด์ (0.68 กิโลกรัม)
ลองมาดูคุณสมบัติเด่นของเจ้าตัวนี้กันครับ
Safari
ขนาดหน้าจอ Multi-Touch ใน iPad ช่วยให้คุณดูหน้าเว็บสดใสและข้อความคมชัด และตัวอักษรที่มองง่าย และที่สำคัญคุณยังสามารถสั่งการได้อย่างใจคิดด้วยนิ้วมือของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด การย้าย ก็สามารถใช้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีมุมมองภาพที่แสดงหน้าเปิดทั้งหมดในตารางเพื่อให้คุณได้อย่างรวดเร็วย้ายจากหน้าไปถัดไป.
Mails
ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ ทำให้การเช็คอีเมล์ทำได้ง่าย ด้วยนิ้วของคุณเอง
Photo
การแชร์รูปภาพแบ่งปันให้กับเพื่อนๆทำได้โดยง่าย สามารถจัดแบ่งหมวดหมู่ พร้อมโชว์รูปของคุณบนหน้าจอที่คมชัด และแน่นนอการจัดการก็ทำได้โดยนิ้วสัมผัส หมุน ขยาย ย่อ
iPod
ด้วยความจุที่มีให้เลือกมากมาย เสียงเพลงจึงพกติดตัวคุณไปได้ทุกที่ พร้อมลำโพงในตัวอีกด้วย หรือจะเป็นหูฟัง Bluetooth wireless
Youtube
เข้าถึงการใช้งานได้ง่าย รวมทั้งยังสามารถดูคลิปในแบบ HD ได้อย่างสบาย
Video
ด้วยจอภาพที่คมชัดและมีขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถรับชมภาพยนตร์ในระบบ HD ได้อย่างสบาย สามารถสั่งการเพียงปลายนิ้วสัมผัส wide-screen และ full-screen
Maps
เปิดโลกกว้างในจอที่ใหญ่ คุณสามารถหาร้านค้าต่างๆ หรือร้านอาหารได้โดยง่าย
iBook
ย่อหอสมุดมาไว้ในมือคุณ ให้คุณได้อ่านหนังสือที่คุณชอบได้ทุกที่ หรือ ต้องการสั่งซื้อก็ทำได้โดยง่ายผ่านทาง Apps Store
iTunes
นอกจากจะเป็น iPod แล้ว ยังมี iTunes อยู่ในตัวอีกด้วย ทีนี้คุณก็สามารถจะเช่า หรือ ซื้อ เพลง ภาพยนตรื ที่คุณต้องการ ผ่าน iTunes Store
App
iPad ทำงานเกือบ 140,000 Apps จาก App Store. Everything from games to business apps and more. ทุกอย่างตั้งแต่เกมไปจนถึงปพลิเคชันทางธุรกิจ
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จากค่าย Apple Inc. จะวางขายครั้งแรกในเดือนมีนาคม ที่สหรัฐอเมริกา สำหรับรุ่น WiFi เท่านั้น และมีกำหนดปล่อยตัวรุ่น WiFi + 3G ช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ สำหรับราคาที่วางขายในตลาดประเทศอื่น สตีฟ จอบส์ ยังไม่เปิดเผยขณะนี้ แต่จะประกาศภายในช่วงฤดูร้อนปี 2553 แน่นอน
วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553
hosting linux กับ windows ต่างกันยังไง?
Host Windowsข้อดีคือ
-เรื่องของการเซ็ตอัพครับที่ง่ายแสนง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของ MS-ใช้งานได้ ทั้ง ASP, ASP.NET, PHP, และอื่นๆ อีกเพียบ
-ฐานข้อมูลใช้ได้หลายตัว เช่น Access, MS SQL Server, MySQL และอื่นๆแล้วแต่จะติดตั้งลงไป
-ใช้ในการเขียนโปรแกรม VS.NET ได้อย่างลงตัว สะดวกสบายและงานเสร็จเร็วข้อเสีย
-เกือบทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อทั้งหมด
Host Linuxข้อดีคือ
-ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของลิขสิทธ์ Software ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบเปิด
-สามารถใช้ Webserver ที่สุดยอดอย่าง Apache ได้ Windows ก็ใช้ได้แต่ไม่ Work เท่า Linux
-การทำ MOD Rewrite นั้นแสนง่ายดายและไม่มีค่าใช้จ่าย
-หาหนังสืออ่านง่ายข้อเสีย
-คนที่หัดเล่นใหม่ๆอาจปวดหัวกับ Error ต่างๆ รวมถึงความสับสนในการติดตั้งเพื่อใช้งานบน Windows
-เนื่องจากเป็นระบบเปิด จึงทำให้มีผู้ไม่หวังดีโจมตีอยู่บ่อยครั้งส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเช่าHostนั้น
ราคา Host Linux จะถูกกว่าครับส่วนในเรื่องของความเร็วนั้นอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง ค่าที่ออกมาเลยพอๆกันไม่แตกต่างในเรื่องความเสถียรภาพของระบบ เมื่อก่อน Windows เป็นรองครับ แต่ปัจจุบันนี้ ทำได้ดี สรุปคือพอๆกันส่วนจะเลือกตัวไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้ สคริปตัวไหน ไป Run มากกว่าครับ
บทความดีจากคุณ starmark
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553
เลือก Hosting ยังไงให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
เว็บโฮสติ้งคืออะไร?
พื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูล เช่น HTML,รูปภาพ หรือ โปรแกรมต่างๆ ไว้ที่ "เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา (24 ชั่วโมง/ 7 วัน) Web Hosting" ทำหน้าที่ ในการแผยแพร่เว็บเพจของเราออกสู่ internet ให้ผู้อื่นเข้าชมได้ โดย Web Hosting จะเชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลาเพื่อให้บริการเมื่อมีการเรียก ข้อมูลของ Web Site ที่จัดเก็บอยู่ นอกจากนี้ยังให้บริการ การใช้งานอีเมล์ หรือ Script ต่างๆ เป็นต้น
ก่อนเลือก Web Hosting
ก่อนที่คุณจะเลือก Web Hosting คุณควรจะพิจารณาเว็บไซต์คุณก่อนว่าเว็บไซต์คุณเป็นแบบไหนเพื่อที่จะสามารถเลือก Hosting ได้ตรงกับความต้องการกับเว็บไซต์คุณ
Hosting ตั้งอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ
ให้คุณดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาที่เว็บของคุณคือใคร หากเป็นลูกค้าในประเทศ ก็ควรเลือก Hosting ที่ตั้งอยู่ในประเทศ เพราะเวลาลูกค้าคุณกดดูข้อมูลในเว็บไซต์คุณ ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า ไม่ต้องวิ่งไปหาข้อมูลที่ต่างประเทศ แต่หากลูกค้าคุณเป็นลูกค้าต่างประเทศ ก็ควรเลือก Hosting ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ เพื่อการเข้าถึงของลูกค้าคุณจะได้รวดเร็วกว่าที่จะต้องเข้ามาดูข้อมูลที่เก็บไว้ที Hosting ในเมืองไทย
ขนาดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ต้องพอเพียงกับข้อมูลของ Web Site ที่จัดทำ
ปกติพื้นที่ขนาด 5 MB ก็เพียงพอต่อการนำเว็บไซต์ทางธุรกิจทั่วไป ที่มี่ภาพและข้อมูล ยกเว้นแต่หากท่านจะมีข้อมูลเป็นจำนวนมากๆ เช่น ข้อมูลรูปภาพหรือไฟล์เอกสารต่างๆ ที่จะเปิดให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดได้หลายรายการ และแต่ละไฟล์มีขนาดใหญ่ ท่านอาจจะต้องพื้นที่เพิ่ม และบางแห่งจะนำ พื้นที่ๆเก็บ E-mail มานำไปคิดรวมกับพื้นที่ๆเก็บไฟล์ข้อมูลของเว็บไซต์คุณ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่ของเว็บไซต์ท่านไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้ เพราะจะต้องใช้ร่วมกับ E-mail ซึ่งต้องเช็กกับทางผู้ให้บริการ ก่อนตัดสินใจใช้ E-mail Box แยกออกจากพื้นที่เก็บไฟล์ข้อมูลเว็บหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หากรวมกัน ท่านอาจจะต้องการพื้นที่ Host อย่างน้อย 15 MB เป็นอย่างต่ำ
จะมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งไหมในเว็บของคุณ?
ถ้าหากเว็บไซต์คุณมีการใช้เว็บโปรแกรมมิ่งใน การทำเช่น เว็บบอร์ด, โปรแกรมส่งเมล์หาสมาชิก (Mailing List), หรือ โปรแกรมการเก็บฐานข้อมูล (Database) คุณควรจะเช็กกับทางผู้ให้บริการ Hosting ว่า Server ของเค้าเป็น OS อะไร ถ้าหากเป็น Windows ก็สามารถใช้กับ ภาษาในการเขียนโปรแกรมได้แก่ ASP, PHP, Perl ได้ แต่หากเป็น Unix ก็จะสามารถใช้ได้แค่ PHP, Perl เท่านั้น หรือบางท่านอาจจะต้องการใช้ระบบรักษาความปลอดภัย ก็อาจจะต้องใช้บริการ ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแบบ SSL (Secure Socket Layer) ซึ่งจะเหมาะกับเว็บไซต์ทีทำ E-Commerce
หลังจากรู้ว่าเว็บไซต์คุณต้องการอะไรแล้ว จากนั้นก็มาดูว่าการเลือก Hosting ที่ดีควรดูจากอะไรบ้าง?
1.ประสิทธิภาพของเครื่อง Server ที่มาใช้ Host
คุณควรจะเช็กก่อนว่าสเป็กของเครื่อง Server ที่จะมา Host ข้อมูลของคุณมีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง CPU, RAM หรือ Harddisk มีขนาดเท่าไร เพราะจะมีส่วนสำคัญในการทำงานและการให้บริการของ Server อย่างมาก ซึ่งหากคุณเลือกสเป็กเครื่อง Server ที่ต่ำอาจจะมีราคาถูกกว่า เครื่องสเป็กที่สูง แต่ประสิทธิภาพและความเร็วในการให้บริการก็จะลดลงด้วย
2.จำนวนลูกค้าต่อเครื่อง Server ที่ให้บริการ
ให้สอบถามไปยัง Hosting ที่ให้บริการว่ามีลูกค้ากี่คน ต่อเครื่อง Server ของเค้า 1 เครื่อง ซึ่ง Hosting ที่ดีจะต้องมีการกำหนดจำนวนลูกค้ากับการรองรับในให้บริการต่อ 1 Server ทั้งนี้เพื่อจะสามารถรองกรับการใช้งานของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (จำนวนการรับลูกค้า ต่อเครื่อง Server ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ประสิทธิภาพของเครื่อง Server)
3.ความเร็วในการรับส่งข้อมูล Web Hosting ที่ดีต้องมีความสามารถในการส่งข้อมูลได้รวดเร็ว
หาก Hosting ของท่านตั้งอยู่ที่ ISP ที่มีการเชื่อมท่อต่อต่อกับอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่แล้วละก็จะช่วยทำให้การรับ-ส่งข้อมูลจากเว็บไซต์ของท่านไปยังลูกค้าคุณได้เร็วยิ่งขึ้น
4.ระบบ Backup ข้อมูล Web Hosting ระบบ Backup ข้อมูล Web Hosting ที่ดีควรมีระบบสำรองข้อมูล(Backup) รายวัน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจนข้อมูลของ Web Site สูญหาย โดยคุณสามารถเรียกข้อมูลที่ Back Up เอาไว้กลับมาให้บริการได้
5. ปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่งได้ (Bandwidth)Hosting บางแห่งจะมีการจำกัดปริมาณข้อมูลที่มีการรับส่งเข้าออกจากเว็บไซต์ของคุณ โดยบางแห่งจะสามารถรับส่งได้ไม่จำกัด หรือบางแห่งอาจจะมีการกำหนดเอาไว้ เช่นต่อเดือน ปริมาณการรับส่งข้อมูลของเว็บไซต์คุณ 500 MBซึ่งหากเกิน ก็อาจจะมีการชาร์ตเงินเพิ่มต่อจำนวนข้อมูลที่มีการรับส่งเพิ่มมากขึ้น
6.จำนวน e-mail ที่สามารถใช้ได้ เช็กว่าพื้นที่ๆคุณเช่า เค้าจะมีบริการ E-mail ให้กี่ E-mail ให้แก่คุณโดยคุณสามารถกำหนดชื่อ E-mail ได้ตามที่คุณต้องการ
7.การ Support หรือการให้บริการหลังการขายการให้บริการหลังการขายถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ท่านควรจะเช็กก่อนว่าเวลาในการให้บริการของ Web Hosting ในการให้บริการตอบคำถาม หรือติดตามปัญหาต่างๆ รวดเร็วแค่ไหน มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันไหม? (ส่วนใหญ่คนที่เลือกบริการ Hosting ต่างประเทศมักจะเจอปัญหาการติดต่อกับผู้ให้บริการลำบาก)
8.ราคาหรือค่าบริการ อัตราค่าบริการที่ Web Hosting เรียกเก็บเป็นรายเดือนจะขึ้นอยู่กับความสามารถและประสิทธิภาพของ Hosting ที่ต้องการ โดยราคาค่าบริการบางแห่ง มีค่าบริการหลัก 10 บาทไปจนถึง เป็นหมื่นต่อเดือน โดยทั่วไปผู้ให้บริการ Web Hosting จะมีบริการให้เลือกหลายรูปแบบ บางที่จะเรียกเก็บค่า Setup หรือค่าแรกเข้าเมื่อเริ่มใช้บริการ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงปัจจัยบางส่วนในการเลือก Hosting ในการเก็บรักษาข้อมูลของเว็บไซต์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจให้ดีตั้งแต่แรก เพราะหากมีปัญหาและท่านต้องย้าย Hosting จะเป็นเรื่องที่จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมาก ดังนี้ ใช้เวลาเลือกซักนิดก่อน จะได้ใช้ไปนานๆ ครับ
สนับสนุนบทความดีๆโดย http://www.pawoot.com
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552
Blogger มืออาชีพ
1.เขียนเรื่องที่คุณรู้เขียนเรื่องราวและบทความให้ไปในทางเดียวกัน มันจะบอกให้ผู้ใช้รู้ว่าเราเป็น Blog ประเภทไหน
2. Update เรื่องที่คนส่วนใหญ่กำลังหามันอยู่เสมอ
3.หัวข้อที่แสดงใช้คำที่น่าสนใจให้มากๆจุดนี้จะทำให้ผู้ใช้สะดุด แล้วถ้าบังเอิญว่าหน้าเว็บดันไปติดหน้าแรกในกูเกิลแล้วละก็มันจะช่วยดึงดูดให้เขาคลิกตามเข้ามาอ่านแทนที่มองข้ามไป
4.เขียนเรื่องที่อยู่ในกระแสแต่เนื้อหาแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร คุณจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการถูกนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีอยู่แล้วว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่จริงหรือใช่กว่า ชั่วข้ามคืนบางทีชื่อคุณอาจจะดังติดหูเหล่า Blogger ได้เลยทีเดียวสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้แรงมาก เพียงแต่ต้องมีไอเดียเจ๋งๆ เท่านั้นเป็นพอ
6.ตรวจแก้ให้ดีก่อนจะตีพิมพ์บันทึก อย่าทำให้ผู้อ่านรู้สึกสะดุดจากคำผิดนี่บ่อยๆ
7.มีLink สนับสนุนเรื่องที่กำลังเขียนมีแหล่งข้อมูลที่ดีๆมาแบ่งปันให้อยู่เสมอ เมื่อพวกเขานึกถึงเนื้อหาที่เคยเจอในBlog เราเขาจะกลับมาหาเราก่อนเป็นอันดับแรก
8.บอกกับพวกเขาว่าเมื่อเขาเข้ามาที่ Blog จะได้สิ่งไหนกลับไปบ้าง
9. มีการตั้งคำถาม เพื่อที่จะได้รับการสอบถามเพิ่มเติมจากผู้คนที่เข้ามาอ่านบทความ
10. แชร์ข้อมูลที่ดีและแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์ เนื้อหาที่เป็นเชิงให้ความรู้มีอยู่ทั่วไป แต่ผู้ใช้ก็ยังอยากได้ข้อมูลดีๆจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนมากกว่า เพราะฉะนั้น เมื่อผู้อ่านได้อ่านเจอเรื่องราว ในรูปแบบเช่นนี้แล้ว จะยิ่งชอบ และนับถือ อนุญาติให้พวกเขานำไปใช้ต่อได้แต่ขอให้ทำลิงค์กลับมาที่เรา หัวใจสำคัญของมันคือเพื่อจะแบ่งปันกับผู้อื่นง่ายที่สุด
11. สร้างให้การเกิดจินตนาการและนำไปใช้ได้ง่าย
12. เปรียบเทียบและวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเผยแพร่โดยมีตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย ผู้ใช้จะรู้สึกและเห็นภาพตามได้ง่าย
13.ใช้ภาษาที่ทุกคนเข้าใจได้ง่ายและเปิดเผยตัวตนอยู่เสมอ ในโลกอินเตอร์เน็ตผู้ใช้ทุกคนเท่ากันหมดภาษาที่ดูง่ายจะทำให้คนรู้สึกเหมือนได้คุยกับเจ้าของจริงๆไม่ได้คุยกับคอมพิวเตอร์ ยิ่งถ้าคุณมีพื้นฐานทางสังคมอยู่แน่นอนละว่าในโลกออนไลน์ไม่ว่าใครก็อยากได้ความรู้ดีๆที่มาจากคุณทั้งนั้นแหละ
14.สร้างแบรนด์ด้วยตัวคุณเองทุกอย่างที่เขียนควรจะมีความเป็นคุณอยู่ในนั้นเสมอ
15.เขียนแล้วต้องประกาศ เมื่อคุณมีอีเมล์ที่เป็นเพื่อนหรือแฟนประจำของคุณอย่าลืมที่บอกพวกเขาทุกครั้งที่มีบทความใหม่หรือมีประโยชน์ เมื่อมันดีเขาจะบอกต่อและทำการกระจายบทความให้กับคุณแทนในเวลาอันรวดเร็วซะด้วย การทำตลาดแบบปากต่อปาก ถือเป็นไวรัสชั้นเยี่ยมที่เหล่าBloggerโหยหาเลยล่ะ
16. ภาพเคลื่อนไหวหรือVDO จะทำให้น่าติดตามมากขึ้น
17.เขียนเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื้องหรือเป็นตอนๆก็ได้ ถ้ามันดีและน่าติดตามคุณจะได้แฟนประจำเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
18.ทุกคำถามจากพวกเขา ถ้าตอบได้ดีและจริงใจ ความน่าเชื่อถือและศรัทราจะตามมาเอง
19.เพื่อนของคุณ 1 คนเขาอาจจะมีเพื่อนหรือเครือข่ายทางอินเตอร์ที่พร้อมจะเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนของคุณเองได้อยู่เสมอ
20. อย่าพยายามทำให้บทความดูเป็นการโฆษณาหรือกำลังยัดเยียดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับพวกเขา ไม่
21.บอกถึงตัวเลขและสถิติ ที่ใช้ประกอบในบทความว่าพวกเขาจะไปใช้พวกมันได้จากที่ไหน
22.ทุกการ Update หรือกระจายข่าวสารให้ทุก Social Media ที่คุณมีอยู่อย่าง Twitter, Facebook, Youtobe มีลิงค์กลับมาที่ Blog ของคุณ
22.สุดท้ายทำให้เขาเชื่อว่าเราเป็นกูรูเรื่องนั้นจริงๆ
บทความที่เขียนนี้เน้นการนำไปปรับหรือเลือกใช้จริงบางอย่างเมื่อลองนำไปใช้อาจจะให้ผลดีบ้างไม่มากก็น้อย ลองดูครับ.. ขอให้มีความสุขกับการทำงาน
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วิธีคิดราคาและความหมายของ CPM, CPA, CPC
หลายๆคนที่เป็นมือใหม่ในการทำ Google Adsense หรือเว็บอื่นๆที่ให้บริการ Affiliate หรือ Ad ปัจจุบันก็มีบริการนี้ออกมากมายคงจะต้องเจอกับคำพวกนี้แน่นอน วันนี้เลยขอนำเสนอถึงความหมายเฉพาะของคำย่อเหล่านี้ว่ามันหมายถึงอะไรกันบ้าง
1. CPM (Cost Per Impression) หรือ (Cost per Thousand, Cost Per Mille)
สำหรับคนลงโฆษณา เวลาที่เขาพูดถึง CPM เช่น CPM = $10 นั้นหมายถึง เมื่อคุณแสดง Ad ของเขาครบ 1000 ครั้ง เขาจะจ่ายเงินให้คุณ $10 หรือคิดง่ายๆก็คือ คุณจะได้เงิน $0.01 เวลา Ad ที่แสดงออกไป 1 ครั้ง (Cost per Impression) สำหรับ M หรือ Mille นั้นในภาษาลาตินหมายถึง 1000 ไม่ต้องงงว่าทำไมถึงใช้ตัวย่อว่า M บางครั้ง Adsense ก็จ่ายเราเป็น CPM เหมือนกัน
2.
ถ้ามองในมุมของคนลงโฆษณาละก็ CPA ดูเหมือนจะคุ้มที่สุด เพราะเขาไม่ต้องเสียเงินไปฟรีๆ เพื่อให้แสดง Ad เพียงอย่างเดียว เพราะว่า CPA จะจ่ายเงินต่อเมื่อมี Action หรือการกระทำอะไรสักอย่าง ตามแต่ที่คนลงโฆษณากำหนด เช่น กรอกแบบฟอร์ม, สมัครสมาชิก, ซื้อสินค้า ฯลฯ แล้วค่อยจ่ายเงินให้กับเรา
เช่น CPA = $10 เมื่อ User สมัครสมาชิก ก็หมายถึงเมื่อมีลูกค้าเห็น Ad แล้วคลิ๊กเข้ามา แล้วกรอกข้อมูลสมัครสมาชิก คุณก็จะได้ $10 (ถึงแม้ว่าคุณจะแสดง Ad เขาไปเป็นหมื่นๆครั้งแล้วก็ตาม)
3.
อันนี้ดูเราจะคุ้นเคยกันที่สุด ตรงตัวเลย จ่ายทุกๆครั้งที่มีการคลิ๊ก CPC = $0.10 ก็หมายถึง ทุกๆ 1 คลิ๊กดูโฆษณา เราได้เงิน $0.10 (ถ้าเป็นมุมมองคนลงโฆษณา ก็เสียเงิน $0.10 ทุกๆ 1 Click)
4. Impression
หมายถึงจำนวนครั้งที่เห็นโฆษณา 1000 Impression ก็หมายถึงคนเห็นโฆษณา 1000 ครั้ง ถ้า Cost per Impression ก็คือเอา CPM มาหารด้วย 1000
5. Lead
per Lead มีความหมายเหมือน per Action จ่ายเงินเมื่อคุณนำคนเขาไปทำตามที่คนลงโฆษณากำหนด เช่นกรอกแบบฟอร์ม กรอกที่อยู่ แต่บางทีอาจจะมีเงื่อนไขเพิ่มว่า ข้อมูลของลูกค้าที่เขาได้ไป ต้องผ่านการตรวจสอบว่าสามารถเป็นลูกค้าได้จริง (พวกสมัครบัตรเครดิตมักออกข้อกำหนดแบบนี้ เพื่อกรองให้ได้แต่ลูกค้าจริงๆ บางทีเราส่งลูกค้าไป 10 คน อาจจะผ่านได้เงินแค่คนเดียวก็เป็นไปได้)
วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
Matter Box
Matter Box เป็นกลยุทธ์สื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่ ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และมีการพูดถึงกันมากที่สุดในขณะนี้ Matter Box เป็นการโฆษณาและการนำเสนอสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ โดยจะจัดส่งตรงถึงหน้าบ้านฟรี ความสำเร็จของ Matter Box วัดได้จากแค่เพียง 2 อาทิตย์หลังจากที่ทาง Website ของ Royal Mail ได้เปิดตัว Matter Box มีผู้สนใจลงทะเบียนขอรับ Matter Box กว่า 60,000 คนเลยทีเดียว ด้วยกระแสความนิยม และการบอกเล่าปากต่อปาก ทำให้ Matter Box ได้ถูกเขียนลง Web Blog , Website และอีกมากมายที่ถูก Upload ลงใน Youtube
Matter Box เป็นกล่องพัสดุที่ออกถูกออกแบบอย่างสวยงาม ภายในกล่องจะประกอบไปด้วยตัวอย่างสินค้าที่น่าสนใจ โดยบางอย่างมาในรูปแบบสินค้าขนาดทดลอง ของเล่น ของที่ระลึก และคำอธิบายสินค้าภายในกล่อง Matter Box เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทต่างๆ ที่ต้องการจะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยจะให้ทาง Royal Mail หรือไปรษณีย์ของประเทศอังกฤษ เป็นผู้ส่งกล่อง Matter Box โดยทางบริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง Matter Box ให้แก่ผู้ที่สนใจ และบริษัท Artomatic เป็นผู้ออกแบบกล่อง จัดพิมพ์กล่อง และรูปแบบโฆษณาบนตัวกล่อง
Matter Box นี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่จะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยทุกคนสามารถรับ Matter Box ได้ โดยลงทะเบียนผ่าน Website โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและข้อผูกพันใดๆ อีกทั้งยังสามารถยกเลิกการรับ Matter Box ได้ถ้าไม่พอใจอีกด้วย และได้มีการวางรูปแบบสำหรับในอนาคตไว้ด้วย โดยในอนาคตลูกค้าแต่ละคนจะได้รับตัวอย่างสินค้าภายในกล่องไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความสนใจของลูกค้าแต่ละคน ที่ได้ระบุไว้ในตอนที่ลงทะเบียนขอรับ Matter Box และบริษัทที่อยู่ในโครงการนี้สามารถระบุได้ว่าต้องการกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนในการแจกตัวอย่างสินค้าอีกด้วย
Source: Positioning Magazine ฉบับเดือน เม.ย. 52 โดย สุภานันต์ จึงนิจนิรันดร์
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
10 กลยุทธ์การตลาดแบบงบจำกัด
วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
Social Media กับอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
ทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่า Social Media คือกระแสความนิยมอย่างกว้างขวาง และใน 2551 ที่ผ่านมา Social Media ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Social Media ไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น แต่นักธุรกิจและมืออาชีพแขนงต่างๆ ได้หันไปใช้ Social Media มากขึ้น ทำให้ Social Media กลายมาเป็นสื่อในสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลอย่างมาก จากรายงาน The Wave 3 Report ของ Universal Maccan แสดงว่า Social Media เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์และ ภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจอย่างมาก เพราะผู้ใช้สื่อ Social Media นิยมโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ แบรนด์ ผ่านบล็อก หรือ ในกลุ่มสังคมออนไลน์ของตน นอกจากนี้การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ต มีทัศนคติในเชิงบวกต่อบริษัทหรือองค์กรที่สร้างบล็อกเป็นของตนเอง
จากบรรดาสื่อต่างที่ใช้ในกลุ่มสังคมออนไลน์นั้นตามรายงานของ Universal McCann พบว่า วิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมเป็อันดับหนึ่ง โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานวิดีโอออนไลน์ถึง 394 ล้านราย ในขณะที่ 346 ล้านรายอ่านบล็อก 321 ล้านรายอ่านบล็อกส่วนบุคคล 307 ล้านรายเข้าเยี่ยมชมกลุ่มสังคมของเพื่อนฝูง และ 303 ล้านรายส่งต่อหรือแบ่งปันวิดีโอคลิปออนไลน์ พัฒนาการที่รวดเร็วของ Social Media ส่งผลให้การสร้างบล็อก การส่งต่อรูปภาพ หรือ วิดีโอคลิป เป็นเรื่องปกติ และ ทุกวันนี้ นักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียง แบรนด์ต่างๆ หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็มีกลุ่มหรือสื่อ Social Media ของตนเอง ด้วยเหตุนี้สื่อรุ่นเก่าจึงต้องเร่งปรับตัวและหันมาพึ่งใช้ Social Media เป็นช่องทางเสริมในการกระจายเนื้อหาหรือข่าวสารของตน เมื่อพิจารณาจากรายงาน 20 อันดับ Social Media ยอดฮิตของโลก ที่ ComScore ทำไว้ พบว่า Bloger ยังคงความเป็นผู้นำด้วยยอดผู้เข้าใช้ว่า 222 ล้านรายทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามมาด้วย Facebook ที่ไล่มาติดๆ และแรงสุดๆ ด้วยจำนวนผู้ใช้ 200 ล้านราย ส่วนอันดับต่อมาคือ MySpace ด้วยยอดผู้ใช้ 126 ล้านราย Wordpress 114 ล้านราย Windows Live Spaces 87 ล้านราย ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ Yahoo Geocities (69 ล้านราย) Flickr (64 ล้านราย) hi5 (58 ล้านราย) Orkut (46 ล้านราย) และ Six Apart (46 ล้านราย) ที่น่าแปลกใจก็คือตลาดเอเชีย เป็นตลาดที่มีการเติบโตของ Social Media สูงกว่าทวีปอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีน นั้นถือเป็นสังคมบล็อกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยยอดผู้ใช้กว่า 42 ล้านราย มากกว่ายุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริการวมกันเสียอีก มร. แบรี่ เฮิร์ด จาก 123 Social Media.com เชื่อว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ Social Media เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะความง่ายในการเข้าถึงสื่ออินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นผลมาจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้าน Social Media และเทคโนโลยีไร้สาย อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ PDAs หรือเครื่องเล่นเกมส์แบบพกพาต่างๆ ผลจากการศึกษายังพบด้วยว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมในสังคมเครือข่ายโดยเฉลี่ย 3-5 เครือข่าย ดังนั้นนักธุรกิจรายใดที่คิดว่า “ธุรกิจของฉันไม่ได้เน้นด้านออนไลน์” อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์หรือไม่ก็ตาม แต่ธุรกิจของคุณจะเกี่ยวพันกับเครือข่ายในสังคมออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะลูกค้าของคุณ คู่ค้าของคุณ แม้แต่เพื่อนฝูง หรือ คนในองค์กรของคุณได้เข้าไปมีบทบาทหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมออนไลน์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่การสนทนาในบางครั้งอาจจะโยงใยเข้ามาถึงธุรกิจของคุณได้ นั่นหมายถึงว่า บริษัทที่ไม่ได้พิจารณา หรือ ผนวก Social Media ไว้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หรือ แผนการตลาดรวม กำลังเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย จากการวิจัยร่วมระหว่าง
อึกตัวอย่างที่น่าสนใจคือกรณีของ IBM ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าจับกระแส Social Media ฟีเว่อร์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ แทนที่ IBM จะสร้างบล็อกขึ้นมาเพียงหนึ่งบล็อกเหมือนบริษัททัวไป IBM กลับสร้างเครือข่ายของบล็อกขึ้นโดยเปิดโอกาสให้พนักงานของตน ที่ต่างก็เป็นยอดฝีมือในแวดวงคอมพิวเตอร์ สร้างบล็อกของตัวเองขึ้นมา เขียนเล่าถึงประสบการณ์ ถึงงานที่กำลังทำ หรือเรื่องอะไรก็ได้ตามใจชอบ ผลที่ตามมาคือบล็อก IBMer ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยง IBM เข้ากับกลุ่มลูกค้า อีกทั้งยังเป็นเครื่องแสดงเจตนารมณ์ที่บริษัทมีต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
“ถึงแม้ Social Media จะเป็นสื่อยอดนิยม แต่ต้องไม่ลืมว่า Social Media Marketing ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และ เป็นเรื่องที่นักการตลาดยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา